ชีวิตส่วนตัว ของ วัง หมิงเฉฺวียน

บุคคลลิกลักษณะนิสัย

วัง หมิงเฉฺวียนมีบุคลิกส่วนตัวที่ดูแล้วสง่างามดุจนางพญามาตั้งแต่เธอเพิ่งเข้าวงการมาใหม่ ๆ เลยทีเดียว จึงไม่น่าแปลกใจที่ทางช่องสถานีโทรทัศน์ทีวีบี จะเห็นแววและผลักดันส่งเสริมเธอเรื่อยมาไม่ขาดจนทุกวันนี้เกินกว่า 50 ปีแล้วที่เธอได้ยืนหยัดอยู่ในวงการละครโทรทัศน์ฮ่องกงจนกลายเป็น "นางพญาเบอร์หนึ่งตลอดกาล" ของชาวฮ่องกง เพราะเธอไม่เคยห่างหายไปจากความนิยมของผู้ชมละครฮ่องกงเลย

ด้านนิสัยส่วนตัวของเธอในยุคแรก ๆ นั้นตอนที่เธอเพิ่งจะเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังใหม่ ๆ ก็มักมีข่าวจากสื่อหลายสำนักว่าเธอเป็นคนหยิ่งทะนง ไม่ค่อยยิ้มและเข้าถึงได้ยากมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี จึงเป็นที่รู้กันดีว่าตัวของวัง หมิงเฉฺวียนเองจริง ๆ แล้วเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีมากและเป็นคนยิ้มง่ายเมื่อได้พบเจอกับแฟนคลับ และเธอก็พิสูจน์ตัวเธอเองได้ว่าเธอไม่ใช่คนหยิ่งเลยแม้แต่น้อยเพียงแต่เวลาที่เธอไม่ได้อยู่ในจอและใช้ชีวิตปกติเธอก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัวเท่านั้นเอง

บทบาททางด้านการแสดงในละครที่เธอได้รับนั้นมีหลากหลายมาก แต่บทดราม่าหนัก ๆ นั้นเธอสามารถจะแสดงสีหน้าและแววตาที่สื่ออารมณ์นั้น ๆ ออกมาได้ดีมาก ๆ ส่วนใหญ่บทที่เธอได้รับมักจะเป็นผู้หญิงเก่งที่แกร่งและเข้มแข็งใจเด็ดทระนง รักศักดิ์ศรี

ความรัก

วัง หมิงเฉฺวียน เธอได้พบรักตั้งแต่เพิ่งเข้าวงการได้ไม่นานกับนาย หลิวชังหวา ซึ่งเป็นนักธุรกิจในวงการอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มฮ่องกง ทั้งคู่เจอกันในตอนที่เธอใกล้จะหมดสัญญาการเป็นนักแสดงกับทางค่าย "สถานีโทรทัศน์อาร์ทีวี" (RTV) ในราวปีพ.ศ. 2513 (1970) ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่เธอจะตัดสินใจบินไปเรียนการร้องเพลงและการเต้นที่ประเทศญี่ปุ่น

1 ปีให้หลังในปีพ.ศ. 2514 (1971) หลังจากเรียนจบจากประเทศญี่ปุ่นและบินกลับมายังฮ่องกง ฝ่ายชายก็รีบขอเธอแต่งงานทันที โดยที่เธอเองก็ใช้เวลาตัดสินใจไม่นานนัก แต่เธอมีข้อแม้ว่าเขาจะต้องยินยอมให้เธอมีอิสรภาพในการทำงานในวงการบันเทิงได้อย่างเต็มที่และเขาก็ตอบตกลงกับเงื่อนไขนี้ของเธอ ทำให้เธอได้ตกลงปลงใจแต่งงานกับเขาในเดือนธันวาคมปีพ.ศ. 2514 ก่อนที่เธอจะไปทุมเทให้กับการแสดงอีกครั้ง ชีวิตรักของคนทั้งสองนั้นดูเหมือนจะหวานชื่นมากเพราะทั้งคู่ดูรักกันมาก แต่แล้วก็มีเรื่องราวอื้อฉาวเกิดขึ้นในราวต้นปีพ.ศ. 2518 (1975) ในงานโชว์ตัวการกุศลแห่งหนึ่งที่อยู่ในโปรแกรมรายการของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี เมื่อมีนักข่าวสามารถถ่ายภาพตอนที่เธอเดินจับมือแนบแน่นกับดารา-พิธีกรตลกอารมณ์ดี อย่างนาย เหอโส่วซิ่น (何守信) จนกลายเป็นข่าวซุบซิบในวันถัดมาเมื่อภาพดังกล่าวถูกตีพิมพ์ลงทางหน้าหนังสือพิมพ์ ซึ่งในตอนนั้นเป็นประเด็นข่าวที่ร้อนแรงและถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก เพราะนาย "เหอโส่วซิ่น" คนนี้เป็นที่รู้กันดีว่าเขามีภรรยาที่ชื่อ "อู่เจียฮุย" (Ou Jia Hui) อยู่แล้วซึ่งก็เป็นศิลปินนักแสดงที่อยู่ในสังกัดทีวีบีเช่นกัน และตัวของ อู่เจียฮุย เองก็เป็นเพื่อนของวัง หมิงเฉฺวียน ซึ่งตัวของวัง หมิงเฉฺวียนเองก็มีสามีผู้แสนดีอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นข่าวอื้อฉาวหนักมาก จนทำให้นาย เหอโส่วซิ่น ต้องรีบออกมาปฏิเสธถึงเรื่องรูปภาพที่เป็นข่าวฉาวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับวัง หมิงเฉฺวียนเป็นแค่เพื่อนธรรมดาเท่านั้น เพื่อเป็นการสยบข่าวฉาวเรื่องนี้ แต่ต่อมา...หลังจากเกิดข่าวลือได้ไม่นาน ฝ่ายชายก็ได้ฟ้องหย่ากับภรรยาของเขาทำให้เกิดข่าวฉาวขึ้นมาอีกว่า วัง หมิงเฉฺวียน คือมือที่สาม ที่ทำให้ความรักของคนทั้งสองนั้นมีอันต้องอับปาง ข่าวนี้ยังส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างวัง หมิงเฉฺวียนและสามี เช่นกัน หลังจากนั้นก็มีข่าวที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนักระหว่างเธอกับสามีออกมาเป็นข่าวเป็นช่วง ๆ

จนในปีพ.ศ. 2523 วัง หมิงเฉฺวียน ได้มีโอกาสทำหน้าที่เป็นพิธีกรในรายการหนึ่งของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี โดยได้ร่วมงานกับเพื่อนเก่าซึ่งเป็นดารา-พิธีกรพ่อหม้าย อย่างนาย เหอโส่วซิ่น (何守信) ที่หลังจากหย่ากับภรรยาเก่าเขาก็ครองโสดมานานหลายปี เมื่อทั้งสองได้ทำงานและเป็นพิธีกรร่วมกัน ปรากฏว่าเข้าขากันได้ดีมากจนมีข่าวว่าทั้งสองตกหลุมรักกันขึ้นมาจริง ๆ และกลายเป็นข่าวฉาวขึ้นมาอีกครั้ง เพราะตอนนั้นทางวัง หมิงเฉฺวียน เองก็ยังคงใช้ชีวิตคู่อยู่กับสามี ทำให้ในปีต่อมาพ.ศ. 2524 วัง หมิงเฉฺวียน ได้ทำการยื่นต่อศาลเพื่อทำการขอหย่ากับสามี โดยให้เหตุผลถึงหลาย ๆ สาเหตุที่ทำให้ชีวิตคู่ครั้งนี้ของเธอล่ม รวมไปถึงนิสัยบ้างานของเธอก็มีส่วนที่เป็นหนึ่งในเหตุผลเหล่านั้น หลังจากที่ได้ทำการยื่นเรื่องขอหย่ากันแล้วทั้งคู่ต้องแยกกันอยู่อีก 2 ปีถึงจะสามารถหย่ากันได้สมบูรณ์ตามกฎหมายของฮ่องกง และในช่วงนี้เธอก็คบกับนาย"เหอโส่วซิ่น" อย่างเปิดเผยโดยไม่แคร์ต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ใด ๆ

ต่อมาเธอก็สามารถหย่ากับสามีเก่าได้สำเร็จอย่างสมบูรณ์ถูกต้องตามกฎหมายของฮ่องกงในปีพ.ศ. 2526 (1983) ส่วนความรักระหว่างเธอกับนาย "เหอโส่วซิ่น" ดูหวานชื่นมากจนหลายคนก็นึกว่าเธอจะลงเอยกับพ่อหม้ายหนุ่ม เหอโส่วซิ่น คนนี้แน่นอน แต่ต่อมา...หลังจากนั้นฝ่ายชายก็มักจะมีข่าวคาวด้านลบปรากฏทางหน้าหนังสือพิมพ์กับสาว ๆ หลายต่อหลายคน เช่น เวิ่นหลิวเม่ย (溫柳媚) หรือแม้กระทั่งนักแสดงสมทบรุ่นน้องชื่อดัง อย่าง จิ้งไต้อิ่ง (景黛音) ก็เคยมีข่าวเข้าไปพัวพันกับฝ่ายชายอยู่พักหนึ่ง จนทำให้ในช่วงเวลานั้นเธอคิดมากถึงขนาดน้ำหนักลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด จนในปีพ.ศ. 2528 เธอได้ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์ระยะแรก ซึ่งเป็นช่วงที่มืดมนที่สุดในชีวิตของเธอ แต่ด้วยอายุที่ยังไม่มากเธอจึงตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดและฉายแสงจนเธอสามารถกลับมาหายได้เป็นปกติในระยะเวลาอันสั้น หลังจากที่เธอรับการรักษาจนหายแล้ว เธอได้ออกมาเปิดเผยว่าสาเหตุที่ร่างกายของเธอทรุดลงไปและกลายเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์นั้น ส่วนหนึ่งมาจากเธอตรอมใจในความรักกับนาย "เหอโส่วซิ่น" นั่นเอง

ในช่วงที่ความรักของเธอยังคงมีปัญหาคาราคาซัง กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับนาย "เหอโส่วซิ่น" อยู่นั้นแต่แล้วในปีพ.ศ. 2530 (1987) เธอได้มีโอกาสร่วมงานแสดงละครงิ้วกวางตุ้งกับนาย หลอเจียอิง ซึ่งในตอนนั้นเขาเป็นนักแสดงอุปรากรจีนกวางตุ้งชื่อดังแถวหน้าของชาวฮ่องกงและได้มองหานางเอกคนใหม่เพื่อมาขึ้นเวทีแสดงงิ้วกวางตุ้งด้วยกันกับเขาและเขาเป็นคนเลือก วัง หมิงเฉฺวียนให้มาสวมบทบาทเป็น มู่กุ้ยอิง ในละครงิ้วกวางตุ้งเรื่อง มู่กุ้ยอิงถล่มเมืองหังโจว ที่จะทำการเปิดรอบแสดงบนเวทีในปีพ.ศ. 2531 (1988) จากการที่ได้ใกล้ชิดกันในตอนซ้อมละครนานหลายเดือน อีกทั้งวัยวุฒิและมุมมองการใช้ชีวิตที่คล้าย ๆ กัน ทำให้นับแต่นั้นความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ก็เริ่มเบ่งบานและกลายเป็นความรู้สึกดี ๆ ขึ้นมาโดยฝ่ายชายตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจังและขอเธอเป็นแฟน แต่ทว่าวัง หมิงเฉฺวียนยังไม่เปิดใจ เพราะเธอเห็นเขาเสมือนเพื่อนคู่คิดมากกว่าและยังไม่รับปากว่าจะคบเขาในฐานะแฟนทันที เพียงแต่ให้ลองคบหากันไปก่อน เพราะปัญหาความรักของเธอกับนาย "เหอโส่วซิ่น" นั้นก็ยังไม่มีบทสรุปว่าจะจบลงอย่างไร แต่นาย หลอเจียอิง บอกเธอว่า เขารอเธอได้เสมอ

จนกระทั่งในราวต้นปีพ.ศ. 2533 (1990) ได้เกิดข่าวฉาวว่านาย "เหอโส่วซิ่น" ไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับศิลปินนักร้อง-นักแสดงและพิธีกรสาวรุ่นน้อง อย่าง เฉินลี่ซือ (陈丽斯) เมื่อเธอได้ข่าวและรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสองถึงกับหมดความอดทน จนเป็นสาเหตุให้ต่อมาเธอได้ตัดความสัมพันธ์รักครั้งนี้ลงไปถึงขนาดประกาศเลยว่า เธอจะไม่มีวันให้เขาคนที่ทำเธอเจ็บปวดได้เห็นหน้าของเธออีก ต่อมาได้มีการเปิดเผยอีกว่าในช่วง 10 ปีที่เธอรักกับนาย "เหอโส่วซิ่น" อยู่นั้น 6 ปีหลังเป็นช่วงที่เธอต้องทนทุกข์กับความรักครั้งนี้เป็นอย่างมากถึงขนาดต้องเข้าพบกับจิตแพทย์ เพื่อรักษาเยียวยาทางด้านจิตใจกันเลยทีเดียว

หลังจากประสบความรักที่ผิดหวังในครั้งนั้นแล้ว วัง หมิงเฉฺวียน ได้ตัดสินคบกับนาย หลอเจียอิง ในฐานะคนรู้ใจ อย่างเปิดเผยต่อสาธารณชนและมิได้ปิดปังอันใด จนเวลาผ่านไปนานหลายปีทั้งคู่ก็ยังคงไม่ได้แต่งงานกันเลย ซึ่งที่จริงแล้วในแต่ละปีพอครบรอบวันเกิดของเธอในทุก ๆ ครั้ง ฝ่ายชายก็จะซื้อดอกกุหลาบช่อโตมาขอเธอแต่งงานทุกครั้งไป แต่ทว่า...ในทุก ๆ ครั้งเธอก็ตอบปฏิเสธเขามาโดยตลอด และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ วัง หมิงเฉฺวียนเคยให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกที่เธอได้ปฏิเสธเขาไปทุกครั้ง เพราะเธอเห็นว่า

"พวกเราทั้งสองคนต่างก็มีอายุที่มากแล้ว ต่างคนต่างก็ชินกับการอยู่คนเดียวมานาน เขาเองก็ไม่เคยแต่งงานมาก่อนเลยไม่รู้ว่าชีวิตคู่นั้นเป็นอย่างไร ส่วนตัวของฉันเองก็เคยผ่านการหย่าร้างมาและใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมานานจนชินแล้วเช่นกัน การที่ต้องมาใช้ชีวิตคู่อยู่ร่วมกันเกือบทุกวันในบ้านหลังเดียวกันนั้น เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและลึกซึ้งมาก ฉันกลัวว่าตัวเองจะอยู่ร่วมกับเขาแบบนั้นไม่ได้ แล้วอีกอย่างการที่พยายามจะจับคนสองคนมาขังอยู่ในบ้านเดียวกัน ฉันรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นเลย" 

จนกระทั่งในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2547 (2004) นาย "หลอเจียอิง" เกิดมีปัญหาสุขภาพอย่างหนักขึ้นมา ต่อมาได้รับการตรวจพบว่าเป็นมะเร็งตับระยะขั้นสาม และเมื่อวัง หมิงเฉฺวียน ทราบข่าวร้ายถึงกับนอนร้องไห้ทั้งคืน พอรุ่งเช้าเธอก็รีบเดินทางไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล ต่อมาต้นปีพ.ศ. 2548 (2005) เขาได้เข้าทำการรักษา ว่ากันว่าช่วงเวลานั้น วังหมิงเฉวียนยอมรับงานในวงการบันเทิงน้อยลงเพื่ออยู่ดูแลเขากันเลยทีเดียว จนกระทั่ง 3 ปีต่อมาในขณะที่ฝ่ายชายยังคงทำการรักษามะเร็งอยู่นั้น ทั้งเธอและเขาต่างตระหนักถึงความไม่แน่นอนในชีวิต จึงตัดสินใจแต่งงานกันในวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 (2009) ซึ่งครบปีที่ 21 พอดีที่คนทั้งคู่ได้ตัดสินใจคบหากัน วังหมิงเฉวียนในวัย 61 ปี ได้เข้าพิธีแต่งงานกับ "หลอเจียอิง" ในวัย 62 ปีโดยทั้งคู่จดทะเบียนสมรสและแต่งงานกันที่เมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ได้แต่งงานกันแล้ว เขาก็กลับไปรักษาตัวเหมือนเดิม โดยมีวังหมิงเฉวียน อยู่เคียงข้างเสมอ จนในที่สุดนาย หลอเจียอิง ก็สามารถเอาชนะโรคมะเร็งที่เป็นอยู่ได้สำเร็จในปีพ.ศ. 2558 (2015) ซึ่งครบ 10 ปีที่ทำการรักษาพอดี

ปัจจุบัน วังหมิงเฉวียนก็ยังคงรับงานแสดงเหมือนเดิมและยังคงอุทิศตนให้กับงานทางการเมืองอีกด้วย โดยมีนายหลอเจียอิง ผู้เป็นสามีอยู่เคียงข้างให้กำลังใจเสมอมา ทั้งคู่ไม่มีบุตรด้วยกันแต่อย่างใด แต่ วังหมิงเฉวียน มีบุตรสาวสองคนที่เธอรับอุปการะตั้งแต่เด็ก คือเซียะถิงถิง และ นิโคลัส เติ้ง ซึ่งทุกวันนี้ทั้งคู่โตเป็นสาวและมีชื่อเสียงในแวดวงฮ่องกง[5][6][7][8][9][10]

แหล่งที่มา

WikiPedia: วัง หมิงเฉฺวียน http://hkmdb.com/db/people/view.mhtml?id=3636&disp... http://www.imdb.com/name/nm2047990/ http://www.lizawang.com http://news.stheadline.com/figure/?id=186 http://m.tianya999.com/yule/2017/1024/12796139.htm... http://www.tvb888.com/TvNews/Star/19776/ http://news.xinhuanet.com/english/2007-12/31/conte... http://www.thestandard.com.hk/news_detail.asp?pp_c... http://www6.cityu.edu.hk/puo/CityUMember/Story/Sto... http://buzzlife.com.tw/article/1460104919/